มะเร็งผิวหนังเกิดจากหลายสาเหตุที่สำคัญ โดยเฉพาะการสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดหรืออุปกรณ์ทำให้ผิวสีแทน เช่น เตียงอาบแดด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่สามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
สาเหตุของมะเร็งผิวหนัง
- การสัมผัสรังสี UV
แสงแดดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง โดยเฉพาะการได้รับแสงแดดในช่วงเวลาที่มีความเข้มข้นสูง (10.00 – 14.00 น.) หรือการถูกแดดเผาหลายครั้งในชีวิต - ประวัติครอบครัว
หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เคยเป็นมะเร็งผิวหนัง จะทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น - ประเภทผิวและลักษณะทางกายภาพ
ผู้ที่มีผิวขาว ผมแดงหรือบลอนด์ และตาสีฟ้าหรือเขียว มักจะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่มีผิวเข้ม - จำนวนเนื้องอกหรือปาน
การมีปานหรือเนื้องอกจำนวนมากบนผิวหนังจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง - การสัมผัสสารเคมี
การทำงานกับสารเคมีบางชนิด เช่น ถ่านหินหรือสารอาร์เซนิก อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งผิวหนัง
วิธีป้องกันมะเร็งผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
ควรหาที่ร่มเมื่ออยู่กลางแจ้ง และหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลาที่แสงแดดแรงที่สุด - ใช้ครีมกันแดด
ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และทาซ้ำทุกสองชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อว่ายน้ำหรือเหงื่อออก - สวมเสื้อผ้าที่ป้องกัน UV
สวมเสื้อแขนยาว หมวกกว้าง และแว่นกันแดดที่มีการป้องกัน UV - หลีกเลี่ยงเตียงอาบแดด
การใช้เตียงอาบแดดสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ - ตรวจสอบผิวหนังเป็นประจำ
ควรทำการตรวจสอบผิวหนังของตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงหรือจุดที่สงสัย และพบแพทย์หากพบสิ่งผิดปกติ
วิธีรักษามะเร็งผิวหนัง
- การศัลยกรรม
การตัดเนื้องอกออกเป็นวิธีแรกที่ใช้ในการรักษามะเร็งผิวหนัง - การรักษาด้วยรังสี (Radiation Therapy)
ใช้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถทำการศัลยกรรมได้ทั้งหมด - เคมีบำบัด (Chemotherapy)
ใช้ยาเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งสามารถใช้ในรูปแบบของครีมหรือยาเม็ด - ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
ใช้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง - การรักษาด้วย Photodynamic Therapy (PDT)
ใช้ยาและแสงพิเศษในการทำลายเซลล์มะเร็ง
การตรวจพบและรักษามะเร็งผิวหนังตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้มากขึ้น.